มะเร็งเต้านม มะเร็งร้ายที่พบมากเป็นอันดับ 1 ของผู้หญิงทั่วโลก ซึ่งผู้ป่วยที่เผชิญกับโรคมะเร็งเต้านมต้องแบกรับภาระหลายอย่างในการต่อสู้กับโรคมะเร็งเต้านม ทั้งค่าใช้จ่ายการรักษา การหาสถานพยาบาลที่รองรับ อีกทั้งผู้ป่วยยังต้อง ผ่าตัดนมมะเร็ง เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งออกอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 ที่ผู้ป่วยโควิด-19 มีจำนวนมาก จนส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์และสถานพยาบาลไม่เพียงพอในการรองรับผู้ป่วยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงยิ่งทวีความลำบากให้แก่ ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม จากสถานการณ์ดังกล่าวจึงเป็นที่มาของ โรงพยาบาลศัลยกรรม–SLC ในการเริ่มต้นโครงการ SLC Breast Cancer สถานพยาบาลทางเลือกให้บริการ ผ่าตัดมะเร็งเต้านม และ ผ่าตัดเสริมสร้างเต้านมใหม่ แก่ผู้ที่เผชิญโรคร้าย โดยไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในช่วงสถานการณ์โควิด-19
วิธีที่ใช้ในการ ผ่าตัดมะเร็งเต้านม
สำหรับวิธีที่ใช้ในการ ผ่าตัดนมมะเร็ง สามารถทำได้ทั้งการผ่าตัดแบบเก็บสงวนเต้านมและตัดเต้านมทิ้ง ทั้งนี้ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดด้วยวิธีใดขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของมะเร็งที่เป็น โดยศัลยแพทย์จะทำการ ผ่าตัดมะเร็งเต้านม เฉพาะก้อนเนื้อที่เป็นเซลล์มะเร็งออกจากร่างกายผู้ป่วยเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่การรักษาโรคมะเร็งเต้านม
- ผ่าตัดแบบสงวนเต้า โดยการดมยาสลบ
- ผ่าตัดมะเร็งเต้านม ตัดชิ้นเนื้อร้ายและเลาะต่อมน้ำเหลืองออก โดยการดมยาสลบ
- ตัดชิ้นเนื้อร้ายและเลาะต่อมน้ำเหลืองออก พร้อมเสริมซิลิโคนหน้าอก หรือยกกระชับหน้าอก โดยการดมยาสลบ
ผ่าตัดเสริมสร้างเต้านมใหม่ ความเป็นหญิงต้องไม่หายไป
ผู้ป่วยหญิงจำนวนไม่น้อยมีความกังวลเป็นอย่างมาก เมื่อจะต้องผ่าตัดมะเร็งเต้านม ซึ่งในบางรายจำเป็นต้องตัดเต้านมทิ้ง ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความมั่นใจ โรงพยาบาลศัลยกรรม–SLC เข้าใจถึงความวิตกกังวลที่เกิดขึ้น และไม่อยากให้ผู้หญิงต้องสูญเสียภาพลักษณ์และความมั่นใจของตัวเองไป SLC Breast Cancer จึงเป็นตัวแทนที่จะช่วยเรียกคืนความมั่นใจของผู้หญิงให้กลับมาดังเดิม ในการให้บริการผ่าตัดเสริมสร้างเต้านมใหม่ ในผู้ที่ต้องตัดเต้าทิ้งจากมะเร็ง เพราะผู้หญิงจะไม่หยุดสวย
หลักการ ผ่าตัดเสริมสร้างเต้านมใหม่
สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ถูกตัดเต้านมทิ้ง การเสริมสร้างเต้านมใหม่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กลับมาภายหลังการผ่าตัดมะเร็งเต้านม โดยการผ่าตัดเสริมสร้างเต้านมนั้นสามารถทำได้ 2 กรณี คือ
- ผู้ป่วยที่เซลล์มะเร็งยังไม่มีการแพร่กระจายและไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรักษาด้วยการฉายแสง สามารถผ่าตัดมะเร็งเต้านมออกแล้วเสริมสร้างเต้านมใหม่ทันที
- ผู้ป่วยที่รักษามะเร็งเต้านมจนหายขาดโดยไม่พบการเกิดใหม่ของเซลล์มะเร็งแล้ว และผิวหนังบริเวณหน้าอกยังมีสภาพดีอยู่ สามารถผ่าตัดเสริมสร้างเต้านมใหม่ได้ภายหลังการรักษาเสร็จสิ้น
เทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัด เสริมเต้า
การผ่าตัดเสริมสร้างเต้านมที่โรงพยาบาลศัลยกรรม–SLC มีทั้งหมด 4 เทคนิค ตามความเหมาะสมและความต้องการของผู้รับบริการแต่ละราย ดังนี้
- การย้ายเนื้อเยื่อจากบริเวณอื่นของร่างกายเพื่อนำมาปลูกถ่ายเสริมสร้างเต้านมใหม่ ซึ่งเนื่อเยื่อที่นิยมนำมาใช้ในการปลูกถ่ายเพื่อเสริมสร้างเต้านมใหม่ ได้แก่ กล้ามเนื้อหน้าท้อง และกล้ามเนื้อบริเวณหลัง
- การเสริมเต้านมด้วยถุงเต้านมเทียม ในกรณีที่ผิวหนังบริเวณเต้านมไม่ได้ถูกตัดออกไปมาก ศัลยแพทย์สามารถเสริมเต้านมด้วยถุงเต้านมเทียม โดยศัลยแพทย์จะผ่าตัดเสริมถุงเต้านมเทียมในตำแหน่งใต้กล้ามเนื้อหน้าอก
- การใช้ Tissue expander เพื่อยืดผิวหนังบริเวณหน้าอก เมื่อยืดผิวหนังได้ในขนาดที่ต้องการศัลยแพทย์จะผ่าตัดเสริมถุงเต้านมเทียมเข้าไปในตำแหน่งใต้กล้ามเนื้อ
- การเสริมเต้านมด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ไขมัน (Fat Transfer) โดยนำไขมันจากบริเวณหน้าท้อง สะโพก หรือบริเวณต้นขา มาปลูกถ่ายเพื่อ เสริมสร้างเต้านมใหม่ แต่วิธีนี้มีข้อจำกัดคือต้องใช้ปริมาณไขมันเยอะ และสเต็มเซลล์ไขมันที่ปลูกถ่ายอาจติดเพียง 80% อาจมีโอกาสที่หน้าอก 2 ข้างจะมีขนาดไม่เท่ากัน
- ผ่าตัดเสริมสร้างเต้านมใหม่ ด้วยการใช้ถุงเต้านมเทียมร่วมกับการปลูกถ่ายไขมันสเต็มเซลล์ หรือการเสริมสร้างเต้านมแบบไฮบริด
ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ที่ไม่สามารถผ่าตัดเสริมสร้างเต้านมได้
- ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ยังไม่ได้รับการรักษามะเร็งเต้านมจนหายขาด
- ผู้ป่วยที่มีผิวหนังบริเวณหน้าอกบางมากไม่เอื้อต่อการผ่าตัดเสริมหน้าอก หรือผิวหนังเกิดความเสียหายจากการฉายรังสีหลายครั้ง โดยแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัย
- ผู้ป่วยที่ยังไม่ได้ทำการผ่าตัดเอาเนื้อร้าย หรือเนื้อเต้านมเดิมออก ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
- ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงด้านอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายสูง ระหว่างหรือหลังการผ่าตัด
- ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง รวมถึงมีประวัติแพ้สิ่งแปลกปลอมในร่างกาย
Breast Cancer Saves Your Life ราคา Package ผ่าตัดมะเร็งเต้านม
การเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด
ทางด้านจิตใจ : ศัลยแพทย์ประเมินความพร้อมด้านจิตใจ และผู้ป่วยเตรียมความพร้อมเพื่อรับการภาพลักษณ์ใหม่
ทางด้านร่างกาย : ตรวจประเมินร่างกายก่อนการผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
- งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด ยาสเตียรอยด์ ยาแก้ปวด ยาลดกล้ามเนื้ออักเสบ วิตามินและอาหารเสริมทุกชนิด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด (ยาโรคประจำตัวควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้ทำการรักษา)
- งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ควรสระผมให้เรียบร้อยก่อนวันผ่าตัด งดใส่คอนแทคเลนส์ (หากมีปัญหาด้านสายตาให้ใส่แว่นสายตามาทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด) ไม่แต่งหน้า ทาเล็บ หรือใส่เครื่องประดับในวันผ่าตัด กรุณาเก็บของมีค่าไว้ที่บ้าน
- กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเจ็บป่วยปัจจุบัน เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ ท้องเสีย มีแผลติดเชื้อ ตาแดง ตาเจ็บ ฯลฯ กรุณาแจ้งให้พยาบาลทราบอย่างน้อย 2 วันก่อนผ่าตัด
การเตรียมตัววันผ่าตัด
- วันผ่าตัด ควรใส่เสื้อผ้าที่หลวมและใส่สบายในวันผ่าตัด ควรเป็นเสื้อที่มีกระดุมหน้า
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด มะเร็งเต้านม
- หลังผ่าตัด ควรเริ่มประคบเย็นทันที เพื่อลดอาการบวมของแผล สามารถใช้เจลเย็นสำเร็จรูป (cool pack) วางบนผ้าสะอาดแล้วประคบบริเวณแผล 20 นาที หลังจากนั้น พัก 20 นาที แล้วประคบใหม่สลับกันไป ทำอย่างต่อเนื่องหลังผ่าตัด 48 ชั่วโมงแรก จากนั้นประคบเย็นต่อไปวันละ 2-3 ครั้ง
- รับประทานยาตามที่โรงพยาบาลศัลยกรรม SLC จัดให้จนครบ
- หลังผ่าตัดมะเร็งเต้านมยังไม่ควรยกแขนสูง เพื่อป้องกันแผลปริแตก
- ป้องกันไหล่ แขน และมืออย่าให้ถูกความร้อน ควรหลีกเลี่ยงการตากแดดจัด และป้องกันแขนและหน้าอกด้วยการทาโลชั่นกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 15 ขึ้นไป
- ศัลยแพทย์จะนัดเข้ามาติดตามผลหลังการผ่าตัด 7-14 วัน
- ภายหลังผ่าตัดมะเร็งเต้านม ผู้รับบริการอาจเกิดภาวะข้อไหล่ติด อันเนื่องมาจากอาการปวดตึงแผล กล้ามเนื้อหลังผ่าตัดจะรู้สึกยึด ทำให้ยกแขนข้างที่ผ่าตัดได้น้อย
ขั้นตอนการบริหารร่างกายเพื่อป้องกันภาวะข้อไหล่ติด
- กำ-แบมือ 5-10 ครั้ง
- งอ-เหยียดข้อศอก 5-10 ครั้ง
- ยกไหล่ขึ้นลง
- ห่อไหล่มาด้านหน้า และแบะไหล่ไปด้านหลัง
- หมุนหัวไหล่เป็นวงกลม
- ยกแขนไปด้านหน้า เหยียดแขนไปด้านหลัง
- ยืดหันฝ่ามือเข้าหาผนัง
- บิดไหล่โดยประสานมือไว้ด้านหลังสลับกับประสานมือไว้ด้านหลังศีรษะ
- บริหารกล้ามเนื้อแขนและไหล่
ข้อควรระวังภายหลังการ ผ่าตัดมะเร็งเต้านม
- อาการชาอันเนื่องมาจากการผ่าตัด ผู้รับบริการอาจรู้สึกชาเป็นบางครั้งบริเวณผิวหนังของแขนด้านใน หรืออาจรู้สึกแปล๊กๆ บริเวณหน้าอก หัวไหล่ รักแร้ และ แขน โดยอาการชาจะดีขึ้นใน 1-3 เดือนหลังการผ่าตัด หรือ ในบางรายอาการอาจอยู่ตลอดไป
- ภาวะ Lymphedema หรืออาการแขนบวมที่เกิดจากทางเดินน้ำเหลืองอุดตัน อาจเกิดขึ้นได้ทันทีภายหลังการผ่าตัดมะเร็งเต้านม หรือ อาจเกิดหลังจากผ่าตัดไป 1-5 ปี วิธีป้องกัน สามารถทำได้โดยการยกแขนให้สูง หรือห้อยแขนขณะนอน
- หมั่นสังเกตุและวัดเส้นรอบวงแขนข้างที่ผ่าตัดมะเร็งเต้านม โดยบริเวณที่วัดจะอยู่เหนือ หรือ ใต้ข้อศอก เล็กน้อย หากเส้นรอบวงแขนข้างที่ผ่าตัดมากกว่าด้านที่ไม่ได้ผ่าตัด 2 ซ.ม. จัดว่าเป็นภาวะ Lymphedema
พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันการเกิดภาวะ Lymphedema
- การนอนทับแขนข้างที่ผ่าตัด
- ยกของหนัก
- การอุ้มเด็ก
- ควรเลี่ยงกีฬา ประเภท กอล์ฟ ว่ายน้ำ เทนนิส แบคมินตัน กีฬาที่ต้องใช้กำลังแขน
- การทำสวน
- การทำงานบ้าน
- วัดความดันแขนข้างที่ผ่าตัดมะเร็งเต้านม
- ฉีดยา หรือการให้น้ำเกลือแขนข้างที่ผ่าตัด
- สวมใส่เครื่องประดับหรือเสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป
Call : +66 2 714 9555
Whatsapp : +66 96 116 0806
Line@ : @SLCHOSPITAL
Or Click : https://bit.ly/SLCHospital
Messenger : http://m.me/SLCHospital
Our Branches : https://cutt.ly/branches